ออฟฟิศซินโดรมรักษาอย่างไร? รวมวิธีแก้และท่าบริหารที่ได้ผล
ออฟฟิศซินโดรมรักษาอย่างไร? รวมวิธีแก้และท่าบริหารที่ได้ผล
บรรเทาทุกอาการออฟฟิศซินโดรมเรื้อรังอย่างตรงจุด ค้นหาวิธีบำบัดที่ใช่ พร้อมเทคนิคดูแลตัวเองให้ห่างไกลอาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ในยุคที่การทำงานในออฟฟิศเป็นเรื่องปกติ อาการปวดเมื่อยตามร่างกายจากการนั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ หรือที่เรียกว่า “ออฟฟิศซินโดรม” ไม่ใช่แค่อาการเล็กน้อยที่ควรละเลย เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่กายภาพบำบัด ออฟฟิศซินโดรม อาจลุกลามกลายเป็นอาการเรื้อรังและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง การรักษาออฟฟิศซินโดรมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว ลดความเจ็บปวด และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน
ผู้เขียน
คุณหมอรุ่งทิวา เจริญเศรษฐกิจ (หมอเทียง)
Dr. Rungthiwa Charoensetthakit
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจัดกระดูก (ไคโรแพรคติก)
ประวัติแพทย์
- • สำเร็จการศึกษาจาก Southern California University of health and Sciences (SCUHS) สหรัฐอเมริกา
- • ได้รับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะศาสตร์ไคโรแพรคติก จากกระทรวงสาธารณสุข
- • เป็นสมาชิกสมาคมการแพทย์ทางเลือกโคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย (TCA)
สารบัญ
- ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?
- เช็คลิสต์: อาการแบบไหนที่เข้าข่าย "ออฟฟิศซินโดรม"?
- ออฟฟิศซินโดรม มีกี่ระดับ
- ออฟฟิศซินโดรมเกิดจากอะไร และใครบ้างที่เสี่ยง?
- วิธีแก้ "ออฟฟิศซินโดรม" เบื้องต้นด้วยตัวเอง
- เมื่อไหร่ที่ควรมาพบแพทย์? (สัญญาณเตือนที่ไม่ควรปล่อยไว้)
- แนวทางการรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยผู้เชี่ยวชาญ
- รักษาออฟฟิศซินโดรมที่ไหนดี? (รพ. vs คลินิกเฉพาะทาง)
- สรุป
- ทำไมต้องรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ Prohealth Clinic?
- อ้างอิง
- คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการรักษาออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือ กลุ่มอาการเจ็บปวดหรือเมื่อยล้าบริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อ ซึ่งไม่เพียงแค่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ แต่โรคออฟฟิศซินโดรมยังรวมไปถึงระบบอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น กระเพาะอาหาร ดวงตา และศีรษะด้วย โดยว่ากันว่าเป็นโรคที่สาเหตุเกิดจากการทํางานในท่าทางเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น การนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการขยับร่างกาย จนทำให้ระบบไหลเวียนเลือดเกิดการติดขัด และออกมาในรูปแบบความเจ็บปวดทางด้านร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ไมเกรน ปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดหลังเรื้อรัง ปวดเมื่อยตามตัว มือชา หรือมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย หากไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจส่งผลต่อระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาทในระยะยาว
เช็คลิสต์: อาการแบบไหนที่เข้าข่าย "ออฟฟิศซินโดรม"?
การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัว หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยคือ "หน้ายื่น ไหล่ห่อ" ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของ ออฟฟิศซินโดรม
- • หน้ายื่น (Forward Head Posture): เกิดจากการที่เราเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อจ้องหน้าจอ ทำให้ศีรษะยื่นออกไปจากแนวระนาบปกติของกระดูกสันหลัง ซึ่งเพิ่มภาระให้กับกล้ามเนื้อคอและบ่าอย่างมาก
- • ไหล่ห่อ (Rounded Shoulders): เกิดจากการที่เรานั่งหลังงอ ไหล่จึงถูกดึงไปข้างหน้า ทำให้กล้ามเนื้อหน้าอกตึงและกล้ามเนื้อหลังอ่อนแรง ส่งผลให้เกิดอาการปวดและไม่สบายตัว
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ให้มีการปรับพฤติกรรมและหาวิธีรักษาเพื่อแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาว
ออฟฟิศซินโดรม มีกี่ระดับ
ออฟฟิศซินโดรม มีทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเริ่มต้น ระดับเรื้อรัง และระดับรุนแรง
• ระดับเริ่มต้น: จะรู้สึกตึง ๆ ล้า ๆ ขณะทำงาน แต่พอได้พัก ได้ปรับท่าทางจะดีขึ้น เมื่อรู้สึกแบบนี้ควรรีบเข้ารับการรักษา เนื่องจากยังอยู่ในระยะที่ฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่าการปล่อยให้ปวดจนเข้าสู่ระยะเรื้อรัง
• ระดับเรื้อรัง: ระดับนี้คือระดับที่ปรับเปลี่ยนอิริยาบทแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ยังไม่หายเจ็บปวด จนเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
• ระดับรุนแรง: ออฟฟิศซินโดรม อาการหนัก ระดับนี้จะรู้สึกปวดตลอดเวลา ตามัว เวียนหัว ปวดหัวไมเกรน มีอาการชากับอ่อนแรงร่วมด้วย และมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ออฟฟิศซินโดรมเกิดจากอะไร และใครบ้างที่เสี่ยง?
อย่างที่รู้ว่าออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการนั่งท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น Office Syndrome ได้แก่
- • พนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าคอมเป็นเวลานาน ๆ
- • พนักงานขาย ที่ต้องยืนทั้งวัน
- • คนทำงานบ้านที่ใช้มือและแขนทำงานซ้ำ ๆ
- • ผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่ถูกวิธีหรือไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว
- • ผู้ที่มีโต๊ะทำงานไม่เหมาะสมกับสรีระ
- • ผู้ที่ทำงานหนักจนเกิดความเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
วิธีแก้ "ออฟฟิศซินโดรม" เบื้องต้นด้วยตัวเอง
วิธีแก้ออฟฟิศซินโดรมด้วยตัวเอง เริ่มจากการนั่งท่าที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากท่าที่นั่งต้องหลังตรง หลังไม่งอ ไม่แอ่น ศีรษะตั้งตรง จอคอมควรอยู่ในระดับสายตา ป้องกันการก้มมองจอ ไหล่ควรอยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย แขนควรวางราบไปกับที่พักแขนหรือโต๊ะ โดยข้อศอกควรทำมุมประมาณ 90 องศา นอกจากนี้ยังสามารถรักษาได้อีก 3 วิธี
1. ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง พักเบรกและเปลี่ยนอิริยาบท: นั่งเก้าอี้สุขภาพตัวตรง หลังชิดพนักพิง เก้าอี้มีที่รองรับแผ่นหลังส่วนล่าง และปรับระดับให้เท้าทั้งสองข้างวางราบกับพื้น โดยไม่ก้มหรือเงยหน้า และให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตา ให้ถูกหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) ควรลุกขึ้นยืน เดิน หรือยืดเส้นยืดสายเบา ๆ ทุก ๆ 30-60 นาที เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
2. จัดสภาพแวดล้อมโต๊ะทำงาน: จัดให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เหมาะสมกับสรีระของคุณ เช่น ความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำให้แขนและข้อศอกทำมุม 90 องศา และวางคีย์บอร์ดกับเมาส์ในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวก หากจำเป็น ควรใช้ที่รองข้อมือ หรือที่พักเท้า เพื่อช่วยให้ร่างกายอยู่ในท่าที่เป็นธรรมชาติและลดแรงกดที่อาจเกิดขึ้น
3. ดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน: หมั่นใช้ย่าบริหาร ยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนคอ บ่า ไหล่ และหลังอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังจากนั่งทำงานนาน ๆ เน้นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว หาเวลาผ่อนคลายจากความเครียด และนอนลับให้เพียงพอ
จาก 3 วิธี การบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมในระยะสั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อลดความตึงเครียดและอาการปวดที่เกิดขึ้นระหว่างวันโดยการปรับท่านั่ง พักเบรกทุก 1 ชั่วโมง และยืดเหยียดร่างกายสั้น ๆ ประมาณ 5-10 นาที รวมถึงจัดโต๊ะทำงานให้เหมาะสม แต่ทางที่ดีที่สุด
การวินิจฉัยออฟฟิศซินโดรมที่ถูกต้องเริ่มจากการประเมินอาการโดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ เช่น การตรวจวัดจุดกดเจ็บ (Trigger Point) การวิเคราะห์ท่าทางการทำงาน (Posture Analysis) Shockwave Therapy การทดสอบการเคลื่อนไหวของข้อต่อและกล้ามเนื้อ หรือการฝังเข็ม เพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำและตรงจุด
เมื่อไหร่ที่ควรมาพบแพทย์? (สัญญาณเตือนที่ไม่ควรปล่อยไว้)
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์ มีหลัก ๆ ดังนี้
- • มีอาการปวดเรื้อรังเกิน 3 เดือน
- • กายภาพหลังจากผ่าตัด เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว ให้กลับมาเป็นปกติ
- • มีปัญหาข้อยึด ข้อฝืน เคลื่อนไหวลำบาก ทรงตัวยาก
- • กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชาตามแขน ขา
- • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
- • ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันและปลายประสาทอักเสบ
แนวทางการรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยผู้เชี่ยวชาญ
รักษาออฟฟิศซินโดรมโดยผู้เชี่ยวชาญ การวินิจฉัยออฟฟิศซินโดรมที่ถูกต้องเริ่มจากการประเมินอาการโดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ เช่น การตรวจวัดจุดกดเจ็บ (Trigger Point) การวิเคราะห์ท่าทางการทำงาน (Posture Analysis) การทดสอบการเคลื่อนไหวของข้อต่อและกล้ามเนื้อ เพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำและตรงจุด
กายภาพบำบัดเฉพาะบุคคล
เราเชื่อว่าร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แผนการรักษาก็ไม่ควรเหมือนกัน นักกายภาพบำบัดจะออกแบบโปรแกรมกายภาพบำบัดที่เน้นการปรับโครงสร้างร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ยืดคลายกล้ามเนื้อที่ตึง และสอนท่าบริหารที่ถูกต้อง เพื่อแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดที่ทันสมัย
เช่น เครื่องอัลตราซาวด์ไฟฟ้า เครื่องเลเซอร์ลดปวด เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ช่วยลดการอักเสบ คลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการฟื้นตัวอย่างปลอดภัย
หัตถการเฉพาะทางและการปรับโครงสร้าง
ในบางกรณีที่จำเป็น นักกายภาพบำบัดอาจใช้เทคนิคพิเศษ เช่น การนวดบำบัด การคลายจุดกดเจ็บ การดัดดึงข้อต่อ หรือการปรับโครงสร้างร่างกาย เพื่อช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อ และคืนสมดุลให้ระบบโครงสร้างของร่างกาย
การรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ Prohealth ไม่เพียงช่วยลดอาการปวด แต่ยังช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว
- • ลดอาการปวดเรื้อรัง ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวดได้อย่างเห็นผล
- • เพิ่มความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหว ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น อิสระมากขึ้น
- • ปรับปรุงท่าทาง สอนการปรับท่าทางนั่ง ยืน และทำงานให้ถูกต้องตามหลัก เพื่อลดโอกาสปวดซ้ำ
- • เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและส่วนอื่นๆ แข็งแรงขึ้น ช่วยรองรับน้ำหนักและลดภาระที่กระดูกสันหลัง
- • เพิ่มคุณภาพชีวิต เมื่อปวดลดลง คุณก็จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รักษาออฟฟิศซินโดรมที่ไหนดี? (รพ. vs คลินิกเฉพาะทาง)
ถ้าคุณกำลังอยู่ในจุดที่ชั่งใจว่ารักษาออฟฟิศซินโดรม โรงพยาบาล หรือคลินิก แล้วถ้ารักษาออฟฟิศซินโดรม ที่ไหนดี เราขออธิบายให้ตัดสินใจง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะทั้ง 2 สถานที่ ก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป แต่จริง ๆ แล้วการรักษาออฟฟิศซินโดรม สามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน
• ในกรณีที่มีอาการไม่รุนแรง และเข้ารับการรักษาเพียงเบื้องต้น คลินิกกายภาพบำบัดถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะราคาไม่สูงและสามารถเข้าถึงการรักษาที่ตรงจุดโดยผู้เชี่ยวชาญได้ง่าย
• ในกรณีที่มีอาการรุนแรง เรื้อรัง และไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ควรเริ่มต้นที่โรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุ หากพบว่าอาการไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่อันตราย แพทย์ก็จะส่งต่อมาให้นักกายภาพบำบัดในโรงพยาบาลหรือแนะนำให้ไปคลินิกเพื่อทำกายภาพบำบัด
สรุป
การดูแลตัวเองให้บรรเทาจากออฟฟิศซินโดรม สามารถทำได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยจะเน้นไปที่การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ปรับท่านั่ง ยืดเหยียดร่างกาย จัดโต๊ะทำงานให้เหมาะสม การพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการกายภาพบำบัดเฉพาะบุคคล ซึ่งที่ Prohealth Clinic ได้มีการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย มีการทำหัตถการเพื่อปรับโครงสร้างร่างกาย การจัดกระดูก ช่วยลดอาการปวด เพิ่มความยืดหยุ่น รวมถึงป้องกันไม่ให้มีอาการกลับมาเป็นซ้ำ
ทำไมต้องรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ Prohealth Clinic?
เพราะที่ Prohealth เราใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้คุณได้รับการดูแลอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพที่สุด
- • ทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง นักกายภาพบำบัดของเรามีประสบการณ์สูง และชำนาญในการรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยเฉพาะ
- • การประเมินที่แม่นยำและรอบด้าน เราวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและตรงกับสาเหตุของอาการมากที่สุด
- • เทคโนโลยีทันสมัย มาตรฐานสากล ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจนและปลอดภัย
- • การรักษาแบบองค์รวม ไม่เพียงแค่ลดอาการปวดชั่วคราว แต่เรายังช่วยปรับพฤติกรรมและแก้ปัญหาที่ต้นตอ พร้อมแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
- • บริการที่อบอุ่น ใส่ใจทุกความรู้สึก คุณจะได้รับการดูแลในบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมทีมงานที่เข้าใจและใส่ใจในทุกปัญหาสุขภาพของคุณ
อ้างอิง
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC5025063/
https://www.healthline.com/health/work-related-musculoskeletal-disorders#prevention
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการรักษาออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมสามารถหายขาดได้จริง หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ครบวงจร และมีการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันร่วมด้วย รวมถึงดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ระยะเวลาในการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ การตอบสนองต่อการรักษา และความต่อเนื่องในการทำตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด
การออกกำลังกายที่ช่วยป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้ดี ได้แก่ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว เช่น โยคะ พิลาทิส หรือการเดินเร็วเป็นประจำ
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดมักเป็นการรักษาแบบผสมผสาน ทั้งกายภาพบำบัดแบบเฉพาะบุคคล การใช้เครื่องมือที่ทันสมัย การปรับพฤติกรรมในการทำงานและใช้ชีวิต รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ Proheal Clinic ไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมได้ แต่สามารถใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพแบบ OPD ได้






